The Wrestler
แด่จิตวิญญาณแห่งศรัทธาของนักมวยปล้ำทุกคน
POSTER ภาพยนตร์ The Wrestler |
"ข้ามิเหลือรอยปีกไว้ในอากาศ แต่ก็พอใจที่ได้ว่ายฟ้ามาแล้ว" ผมหยิบยกเอาข้อความอันเกิดจากความวาดฝันแห่งศรัทธานี้มาจากหนังสือ "หิ่งห้อย" ของท่านอาจารย์ "รพินทรนาถ ฐากูร" บุรุษผู้ถูกขนานนามว่า "คุรุเทพ"... มหากวีผู้ซึ่งถ่ายทอดถ้อยคำนี้ออกมาแก่ผู้คน เพื่อเป็นสัญญะแห่งค่าความหมายของการดำรงชีวิตที่งดงามและล้ำค่า จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง เราสามารถกลับมานั่งมองเรื่องเหล่านั้น ด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกที่อิ่มใจ
นักมวยปล้ำก็เช่นเดียวกัน ผมได้มีโอกาสย้อนกลับไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Wrestler... ภาพยนตร์ที่เป็นดั่งตัวแทนแห่งการสร้างความเข้าใจแก่สังคมกับกีฬาที่ถููกเรียกว่า "การแสดง"... พวกเขาเป็นใคร?... เหตุใดพวกเขาจึงสละความเป็นชีวิตที่แท้ และหันไปสวมบทบาทเป็นคนอื่นอยู่เกือบทุกเวลาแห่งความเป็นชีวิต? มันจะมีความสุขไปได้อย่างไร กับการที่ต้องละทิ้ง "ความเป็นตัวเอง" ไปแบบนี้
คำตอบทั้งหมดเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลง "The Wrestler"... เพลงที่มีชื่อเดียวกับตัวหนังซึ่งได้รับการถ่ายทอดโดย "Bruce Springsteen"... บทเพลงนี้ถูกบรรเลงขึ้น ณ ช่วงเวลาที่แสนจะสับสนวุ่นวายหลังจากภาพในจอดับวูบลง ราวกับเป็นสัญญะว่า... เรื่องราวความเป็นไปของนักมวยปล้ำไม่ได้แสดงออกผ่านภาพแสดงเลย มันเป็นเพียงภาพมายาแห่งการสร้างค่าความหมายจอมปลอมให้เป็นดั่งอาภรณ์สูงค่าที่ใช้ประดับกายได้เพียงแค่ในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น
"ผมพนันได้เลย ว่าคุณจะมีความสุขเมื่อเห็นผมเสียเลือดและล้มลงสู่พื้น" นี่คือท่อนหนึ่งของบทเพลงที่เป็นความจริงอันแสนเศร้าที่แฟนมวยปล้ำหลายๆคนหลงลืม เราไม่อาจกล้าหัวเราะหรือยิ้มได้เลย หากบุคคลที่กำลังเสียเลือดอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่นักมวยปล้ำ นักมวยปล้ำแต่ละคนต้องใช้เวลากว่าครึ่งในการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ ประโยคหนึ่งจากภาพยนตร์ที่กล่าวว่า "พวกผม(นักมวยปล้ำ) คือบุคคลที่ทำเพื่อสิ่งที่แฟนๆรัก หากแต่พวกเราไม่เคยต้องการให้แฟนๆทำสิ่งที่พวกเรารักตอบแทนเลย" ถ้าอย่างนั้น... นักมวยปล้ำต้องการอะไร?... คำตอบของมันก็คือสิ่งง่ายๆที่หลายคนมีแต่พวกเขาไม่มี นั่นก็คือ "ชีวิตของตัวเอง"...
ฉากประทับใจจากภาพยนตร์ The Wrestler : เมื่อพ่อลูกได้พบกันอีกครั้ง |
ฉากคลาสสิกระหว่าง Randy " The Ram " Robinson และลูกสาว |
"ผมเองก็มีบ้านเช่นเดียวกับคนทั่วไป หากแต่ว่า... ผมกลับไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้เลย"... นักมวยปล้ำที่เป็นนักมวยปล้ำจริงๆ มักจะมีทัศนคติต่อมวยปล้ำสมาคมใหญ่ๆที่มองถึงแต่ธุรกิจว่า "มันก็แค่ของเล่นเท่านั้น" นั่นเพราะความศรัทธาและเกียรติยศที่คนพวกนั้นแสดงออกมา มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่นักมวยปล้ำผู้ขับเคลื่อนด้วยความฝันแสดงออกมา แม้เพียงในฮอลล์เล็กๆที่มีคนดูเพียงไม่กี่ร้อยคน ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้พวกเขาไม่อยากและไม่ได้เซ็นสัญญาเข้าไปในสมาคมใหญ่ๆที่เน้นธุรกิจ และสามารถทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงมากกว่าที่เป็นอยู่ได้... ดังนั้นแล้ว พวกเขาหลายคนจึงต้องกลายเป็นผู้เดินตามความฝันโดยปราศจากความสุข... มันอาจจะดูเป็นเรื่องแปลกๆที่ความฝันของใครจะเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ แต่สำหรับมวยปล้ำ มีคนกล่าวเอาไว้ว่า "นักมวยปล้ำคือบุคคลที่ทำให้คนดูมีความสุขไปกับความทุกข์ของตนเอง" นี่คือสิ่งที่แตกต่างออกไป ลองคิดตามดูสิว่า "หากนักมวยปล้ำถอดสิ่งที่ถูกมอบให้เป็นบทบาทประจำตัวทิ้งไป ตัวเขาจะต่างอะไรไปจากมนุษย์ที่เปล่ากลวง?"
บทบาทที่น่าเศร้าในตอนจบของเรื่องก็คือการตัดสินใจที่จะกลายไปเป็น "SOMEBODY" ในสังคม... ไปสร้างค่าความหมายแห่งชีวิตของตนเองอีกครั้ง ตัวบทของหนังดำเนินเรื่องไปจนถึงห้วงขณะที่ "ความเป็นชีวิต" ของเขากำลังได้รับการยอมรับ แต่ทว่า... เรื่องราวบางอย่างที่เสียไป มันก็ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้เสมอ ความผิดพลาดและ หยาดน้ำตาของแต่ละคน ได้บอกให้เขารู้ว่า สุดท้าย เขาก็ "เสียความเป็นชีวิตของตนไปแล้วจริงๆ" นั่นคือเหตุผลที่ "Randy The Ram Robinson" ตัวเอกของเรื่องตัดสินใจหันหลังให้กับการใช้ชีวิตปกติ ไปสู่การเสี่ยงที่จะขึ้นปล้ำในช่วงเวลาที่ถือเป็นจุดพลิกผัน (TURNING POINT) ครั้งสำคัญของชีวิต นี่คือสัญญะแห่งการประกาศก้องว่า "ซากร่างที่หยัดยืนอยู่นี้ ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว"
ช่วงขณะสุดท้ายแห่งความเป็นชีวิต... เสียงตะโกนเรียกชื่อของเขายังคงดังกึกก้อง... น้ำตาแห่งวีรบุรุษของเขาหลั่งรินออกมา... หลั่งออกมาเพราะตื้นตัน? หลั่งออกมาเพราะเศร้าใจ? หรือหลั่งออกมาเพราะเขาไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว แม้แต่ผู้ที่ร่ำร้องเรียกเขาอยู่นี้...
ด้วยจิตคารวะ
แด่นักมวยปล้ำผู้มอบจิตวิญญาณให้กับทุกคน
ปูมิ - Wrestling Article
0 comments:
แสดงความคิดเห็น